ตามรอยป้าม่อมขายปูน ๓ (นายแดง)

   
     
        
         ภาพแรกที่ผมมองเห็นชายคนที่ผลัก บานประตูแง้มออกมานั้น ในตอนแรกยังมองเห็นไม่ถนัดนักเพราะประตูเปิดเพียงนิดเดียว ได้ยินเสียงทักทายมาจากชายผู้นั้น  “มา มา เชิญ เชิญ เข้ามานั่งข้างในกันก่อน รกหน่อยนะ ผมอยู่ในห้องเล็กๆอย่างนี้คนเดียว จึงไม่ค่อยได้เก็บกวาดอะไรมากนัก นึกว่าใคร เฮียเก้ว นั่นเอง เข้ามา เข้ามา ”


        ชายผู้นี้เท่าที่เห็น อายุน่าจะประมาณ ๖๐ กว่าแล้ว เป็นคนรูปร่างสูง ล่ำสันพอสมควร ผิวคล้ำ เดินไม่ค่อยสะดวก เวลาเดินต้องจับสิ่งของเป็นที่พยุงตัวเอง เห็นจะเป็นเพราะว่าขาของแกไม่มีแรง
        แต่จะเป็นเพราะอะไรจึงเป็นอย่างนี้ ผมก็ไม่ได้ถาม แกทักชื่อผมก่อนที่จะแนะนำตัวเองเสียด้วยซี นี่แสดงว่านายแดงแกก็จำผมได้ ทั้งๆที่เห็นกันตั้งแต่เด็กๆนานมาแล้ว
         ครูแปบน้องสาวของคุณอุ่นเรือน ที่มาด้วยกันบอกผมว่า “นี่ไงน้าแดง ลูกชายของป้าม่อม น้องของเจ๊จรัสอีกทีหนึ่ง ชื่อจริงๆของเขาคือ ชูชาติ เทพหัส ” 

 

ชูชาติ เทพหัส (นายแดง) บุตรชายของป้าละม่อมขายปูน


        ทำให้ผมต้องหลับตานึกย้อนไปเมื่อ ๕๐ กว่าปีก่อนนั้นตอนที่ ผมยังเป็นเด็กอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียน บ้านของป้าม่อมนั้นอยู่ริมแม่น้ำ อยู่ใกล้ๆกับโรงสีไฟเจ็ดเสมียน
 

 ในสมัยนั้น นายแดง คนที่อยู่ต่อหน้าผมเดี๋ยวนี้ ผมก็เคยเห็นเขาอยู่บ่อยๆ เป็นลูกคนเล็กของป้าม่อมขายปูน  (กินกับหมาก)อมๆสูงๆ กร้องแกร้ง แขนขายาวแบบป้าม่อม แม่ของเขา 
       ส่วน  เจ๊จรัส  ที่เป็นพี่สาวของนายแดงนั้น เป็นลูกสาวคนโตของป้าม่อม เมื่อเจ๊จรัสแกเรียนจบจากโรงเรียนวัดเจ็ดเสมียนแล้ว ก็คงไม่ได้เรียนต่ออะไร จึงมาฝึกวิทยายุทธในการเสริมสวยสุภาพสตรีกับ 
เจ๊อยู่
(เป็นบุตรสาวของแป๊ะอู๋ขายกาแฟ นึกไม่ออกว่าเป็นพี่สาวหรือน้องสาวของเฮียไล้ เจ๊กิ๊ด)
       แล้วก็เลยเป็นช่างเสริมสวยดัดผมแต่งหน้า อยู่ที่ร้านเจ๊อยู่ซะเลย ช่างแต่งผมที่เป็นผู้ช่วยเหลือเจ๊อยู่ในสมัยนั้นมีอยู่หลายคน เกี๊ยวก๊าวกันน่าดู เป็นญาติกับผม ๒ คน คือ
พี่สำอางค์ กับพี่สะอาด เพ่งผล แต่ละคนแจ่มจำรัสระเบิดเถิดเทิงทั้งนั้น คนเจ็ดเสมียนของเรา

     

 

 

 แห่นาคกันเสร็จสามรอบแล้ว ก่อนเข้าโบสถ์ก็ต้องมาไหว้ลูกนิมิตร หน้าโบสถ์เสียก่อน (ตรงที่มีใบเสมาสีดำ) แล้วจึงจะเข้าโบสถ์ได้

 

       ห้องของเจ๊อยู่นั้นติดกับห้องของผม .ในตอนนั้น ตาชุ่มกับนางมั่นสองคนผัวเมีย ยังไม่ได้มาตั้งร้านตัดผม ผมจึงรู้จักกับเจ๊จรัสพี่สาวของนายแดงมากกว่า นายแดง เหตุเพราะว่านายแดงไม่ใช่เด็กตลาด ผมกับพวกจึงไม่ได้เล่นกับนายแดงเลย นายแดงคนนี้เขาก็อยู่ของเขาเล่นอยู่กับพวกเด็กๆแถวๆโรงสีนั้น จะเจอกันมากหน่อยก็ตอนไปโรงเรียนที่วัดเท่านั้น พอโตขึ้นมาต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป แล้วต่อจากนั้นผมก็ไม่ได้พบกับนายแดงอีกเลย เป็นเวลานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว

ายแดง (ชูชาติ เทพหัส คนที่นั่งสูง)  ภายในโบสถ์ที่วัดเจ็ดเสมียน โดยมีหลวงปู่หุ่น พุทธสโร (นั่งตรงกลางเห็นหน้าชัด) เป็นพระคู่สวด ในขณะนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเจ็ดเสมียนแล้ว
 

          เมื่อมาพบกันวันนี้ผมก็ยังจำเค้าๆหน้านายแดงได้อยู่บ้าง แต่รูปร่างของนายแดงเปลี่ยนไปมาก ในเวลานี้อ้วนท้วนล่ำสัน ตัวสูงใหญ่  หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็แจ้งให้นายแดงทราบว่า ผมต้องการจะมาทำอะไร นายแดงหัวเราะแล้วบอกว่าด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว ที่จะได้เผยแพร่ประวัติและกิจกรรมต่างๆของแม่ม่อม ของเขาในอดีตขณะที่แม่ม่อมยังมีชีวิตอยู่

 นายแดง (ชูชาติ เทพหัส) หลังจากบวชเป็นพระภิกษุแล้วก็ออกจากโบสถ์ โดยมีญาติโยมคอยถวายปัจจัยและดอกไม้ใส่บาตรด้วยี่เห็นในภาพนั้นคือ หน้าโบสถ์ของวัดเจ็ดเสมียนหลังเก่า มีสภาพเป็นอย่างนี้ มองลึกลงไปในภาพ จะเห็นมียอดเจดีย์โผล่ขึ้นมา และมองเห็นเป็นบ้านเรือน นั่นแหละครับคือหลังห้องแถวตลาดเจ็ดเสมียน ซึ่งติดกับกำแพงของโบสถ์ ที่เห็นในภาพนั้นคือ หลังบ้านของนางน้อย - นายเค่งซึ่งเป็นร้านขายของสารพัดชนิด      

 เมื่อได้ที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มต้นคุยกันถึงเรื่องเก่าๆ สลับกับเรื่องราวของป้าม่อมด้วย  ผมถามเขาถึงเรื่องต่างๆเกี่ยวกับแม่ของเขา ในตอนแรกเขาก็ขอออกตัวก่อนเหมือนกันว่า เวลามันนานมามากแล้ว อาจจะจำได้ไม่หมด และบางอย่างก็จำไม่ได้บ้างต้องขอโทษด้วย
        ผมบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ผมก็ไม่ได้จะเอาละเอียดอะไรมากมายนัก เพียงแค่คร่าวๆก็ยังดี แต่ขอให้มีภาพเก่าๆของป้าม่อมมาบ้าง แล้วผมก็ถามว่ามีภาพบ้างหรือไม่ 
 

        นายแดงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตะโกนเรียกลูกสาวที่ชื่อ หนูปู ซึ่งอยู่บนบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ติดๆกัน  ลูกสาวคนนี้คิดว่าจะเป็นลูกคนโตของนายแดง ซึ่งเป็นผู้ที่เก็บหมาให้เราในตอนแรกนั่นเอง  หนูปูโผล่หน้าเข้ามาถามพ่อของเขาว่าเรียกทำไมหรือ นายแดงบอกว่า ช่วยไปค้นภาพเก่าๆของย่าที่ข้างบนให้หน่อยน่าจะมีหลงเหลืออยู่บ้าง หนูปูรับปากแล้วก็ผลุนผลันเดินขึ้นไปบนบ้าน ซึ่งแยกต่างหากจากบ้านเล็กๆหลังที่นายแดงอยู่นี้

 

เจ๊จรัส (ซ้าย) พี่สาวของนาย ชูชาติ เทพหัส (กลาง) พร้อมด้วยครอบครัวเมื่อคราวไปพักผ่อนกันที่ชายหาดสวนสน ระยอง 

       หนูปูลูกสาวของนายแดงคนนี้ อายุน่าจะอยู่ในระหว่าง ๒๕ – ๓๐ ปี ท่าทางคล่องแคล่ว ปราดเปรียว คุยกันไปมาในตอนหลังจึงได้ทราบว่า เป็นลูกคนโตของนายแดง และหนูปูก็ยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง คือคนที่เราพบเป็นคนแรกที่เพิ่งขึ้นมาจากท่าน้ำ หลังจากลงไปเล่นน้ำกันที่ท่า โรงสูบน้ำ ในตอนที่เรามากันในตอนแรก
     หนูปูคนนี้ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่กรมธนารักษ์ สำนักงานใหญ่อยู่ที่ตึกของกระทรวงการคลัง ตึกของกระทรวงการคลังนี้ก็ยังมีหน่วยงานสำคัญๆอีกหลายหน่วยงานที่อยู่ในตึกนี้
     หนูปูไม่ได้อยู่ที่เจ็ดเสมียนมานานแล้ว นานๆจึงได้กลับมาหาพ่อแม่บ้าง  วันที่เรามาและได้พบนั้นเป็นวันอาทิตย์พอดี  สักพักใหญ่ๆ หนูปูก็เดินลงมาพร้อมกับ อัลบั้มภาพเก่าๆเล่มหนึ่งยื่นส่งมาให้นายแดงรับเอาไว้  หนูปูบอกว่ามีแค่นี้เอง หาหมดแล้ว

      คุณอุ่นเรือน รับอัลบั้มภาพนั้นจากนายแดง เปิดดูนิดหน่อยแล้วส่งมาให้ผม ผมรับอัลบั้มภาพนั้นมา ค่อยๆพลิกดูทีละใบ มีอยู่หลายใบทีเดียวที่คิดว่าน่าจะใช้ได้และเกี่ยวข้องกับเรื่องของป้าม่อมนี้ นายแดงพูดว่า

      “เห็นท่าจะมีเท่านี้เอง เมื่อก่อนนั้นที่บ้านนี้จะมีรูปเก่าๆมาก เพราะว่าแม่แกชอบไปช่วยงานต่างๆเยอะ คนเขาก็ถ่ายรูปให้ ตอนหลังนี้  เจ๊จรัสย้ายไปอยู่กรุงเทพฯกับผัวของแก แกจึงเอาติดมือไปดูเป็นที่ระลึกนึกถึง เป็นรูปแม่ทั้งนั้นเลย”

     “น่าเสียดายนะ แล้วเดี๋ยวนี้เจ๊จรัสแกอยู่ที่ไหนล่ะ คงสบายดีนะ”  ผมถามนายแดงที่กำลังมองรูปของป้าม่อมแม่ของเขาที่อยู่ในกรอบ ”  เจ๊หลัดแกไปอยู่ระยองนานแล้ว ก็คงสบายดีนะ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว แยกๆกันไปต่างคนต่างทำมาหากิน ไม่ค่อยได้มีเวลาได้เจอกันหรอก “

 คุณอุ่นเรือน กำลังทำหน้าที่สอบถามเรื่องราวต่างๆของป้าม่อม กับนายแดง คุณชูชาติ เทพหัส

      คุณอุ่นเรือนได้จังหวะ พอนายแดงพูดจบ ก็เปิดประเด็นใหม่ถามนายแดงว่า 

     “บ้านที่อยู่กลางซอยที่มีโอ่งและกระถางตั้งอยู่เป็นแถว เหมือนจะประกอบกิจการทำเกี่ยวกับปูนกินกับหมาก หรือทำอะไรสักอย่างนั้น ที่แท้เขาทำอะไร และบ้านหลังนั้นเป็นของใคร “ 

นายแดงหันมาทางคุณอุ่นเรือนแล้วบอกว่า
     “บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเก่าของผมเอง มันอยู่ตรงข้ามกับโรงสูบน้ำพอดี  แต่เดิมนั้นก็รู้กันอยู่ตรงโรงสูบน้ำมันเป็นบ้านแม่ผม เมื่อผมแต่งงานผมก็แยกบ้านออกมา แต่ก็ยังปลูกอยู่ใกล้ๆบ้านแม่ผมนั่นเอง “ 

      นายแดงพูดก้มหน้ามองดูพื้นอย่างเศร้าๆ
     “ไม่นานนักแม่ของผมก็เสียชีวิตลง ทางวัดเจ็ดเสมียนก็เลยขอที่ตรงนั้นคืน เพราะว่าตรงนั้นเป็นที่ของวัดเขา เราเห็นว่าทางเราเองไม่มีความจำเป็นอะไรก็เลยคืนที่ให้วัดไป ต่อมาอีกไม่นาน ทางสหกรณ์ประปาเจ็ดเสมียน โดยกำนันโกวิท มาขอเช่าที่ตรงนี้จากวัด เพื่อตั้งเป็นโรงสูบน้ำ จนปัจจุบันนี้ “

     นายแดงหยุดพูดและหันมายกแก้วน้ำดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ทำกระแอมเบาๆ แล้วพูดต่อ
     “ บ้านชั้นเดียวของผมนั้นก็เหมือนกัน ในตอนนี้ก็ไม่มีคนอยู่แล้ว เมื่อผมไปทำงานมีเงินขึ้นมาบ้าง ผมก็เลื่อนเข้ามาปลูกบ้านใหม่อีกหลังหนึ่งที่ผมอยู่ปัจจุบันนี้  แต่บ้านหลังเก่านั้นก็ยังใช้ประกอบกิจการอยู่” 

     คุณอุ่นเรือนถามว่า ”ประกอบกิจการเกี่ยวกับทำปูนกินกับหมาก แบบป้าม่อมทำใช่หรือเปล่า “  นายแดงบอกว่า
    “ใช่แล้ว  เรื่องปูนกินกับหมากนี้ ที่จริงก็ไม่อยากจะทำหรอก เพราะว่า มันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก วัตถุดิบที่จะใช้ทำนั้น ก็ต้องไปซื้อจากที่ไกลๆ ถ้าจะทำให้ดีทำตามสูตรของแม่ม่อมจริงๆมันก็มีพิธีกรรมมาก มันก็ไม่ค่อยจะมีกำไรเท่าไร บางทีคิดแล้วก็อยากจะเลิกทำเสียเวลาเปล่าๆ ” 

      คุณอุ่นเรือนถามว่า  “แล้วอุปกรณ์ต่างๆ เช่นโอ่ง กระถาง กาละมังนั้น เป็นของเดิมที่ป้าม่อมแกเคยใช้อยู่หรือเปล่า ฉันเห็นบางอย่างก็เก่าคร่ำทีเดียว”  

     นายแดงตอบว่า “ของเก่าของแม่แกก็มีบ้าง ซื้อมาเพิ่มเติมใหม่ก็มี เพราะว่าของเก่ารุ่นแม่นั้นชำรุดทรุดโทรม แตกหักไปมากแล้ว” 

     "   แล้วในเมื่อมันทำยุ่งยากมาก กำไรก็น้อยทำไมจึงทำอยู่ล่ะ ใครเป็นผู้ทำ " คุณอุ่นเรือนยิงคำถามเข้าไปอีก
     “เหตุที่ยังทำอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะว่าเรื่องนี้ได้มรดกมาจากแม่ จึงไม่อยากจะทิ้งไปเสียเฉยๆ และอีกอย่างหนึ่ง แป๋ว ภรรยาของผม เขาก็รับปากกับแม่เมื่อก่อนที่แกจะเสียว่า จะทำปูนนี้สืบต่อไปจากแกอีกจนถึงที่สุด  ” 

     นายแดงทำหน้าเศร้าอีกครั้งหนึ่ง แกคงจะคิดถึงป้าม่อมแม่ของแก 

     “จะทำจนถึงที่สุดแปลว่าอย่างไร ”  นักข่าวของเราซักไซ้อีก นายแดงขยับตัวนิดหน่อยเพื่อเปลี่ยนท่านั่งให้สบายขึ้น

     “ก็คือว่า....คงจะทำจนไม่ไหวนั่นแหละ ทั้งเรื่องทุนแล้วก็แรงงาน แล้วอีกอย่างต่อๆไปเด็กๆรุ่นใหม่เหล่านี้ คงไม่มีใครรับเอาวิชานี้ไปทำแล้วหละ”  นายแดงว่า 

สอบถามกันอย่างละเอียดพอสมควร ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
 

           ”ก็เป็นอันว่าต้องปล่อยให้วิชานี้สูญหายไปจากโลกนี้เลยใช่ไหม ”  คุณอุ่นเรือนรุกต่อเข้าไปอีก

      “คงเป็นยังงั้นมั๊ง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนี่ ลูกผมสองคนก็ไปทำงานที่อื่นกันหมดแล้ว ” 

       นายแดงพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา คุณอุ่นเรือนของเรายิ่งถามเหมือนว่ายิ่งสนุกเพราะว่า กำลังจะเข้าจุดสำคัญอยู่แล้ว
      “ วิธีทำปูนกินกับหมาก สูตรของแท้ของป้าม่อมนี้ น้าแดงเป็นคนรับสูตรนี้มาเองเลยหรือ แล้วใครเป็นคนทำ เมื่อน้าแดงป่วยอยู่อย่างนี้” 

        คุณอุ่นเรือนของเรายิงคำถามเข้าไปอีก นายแดงขยับตัวอีกครั้งหนึ่ง
       “ผมไม่ได้ทำหรอกมอบให้ “แป๋ว "  ภรรยาผมเป็นคนทำ เป็นผู้จำหน่ายทั้งหมด ส่วนผมเมื่อตอนยังดีๆอยู่ก็ประกอบกิจการส่วนตัวของผมไป ” 

      “ประเดี๋ยวออกไปนี่ก็ไปคุยกับแป๋วเขาซี ป่านนี้เขาคงจะกลับมาจากตลาดแล้วละ” นายแดงบอก

        ในวันนั้นเราอยู่คุยกับนายแดงอย่างสนุกสนานเป็นเวลานาน และเห็นนายแดงเริ่มจะมีอาการเหนื่อยแล้ว (เพราะว่าแกไม่ค่อยสบาย)  พวกผมจึงได้ถือโอกาสลากลับ และอิ่มเอมใจในสิ่งที่เราค้นหา และได้พบตามความประสงค์  ถึงแม้จะไม่ได้มากมายถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ก็ตาม อย่างน้อยเราก็ได้ภาพมาตั้ง เกือบ ๑๐ ภาพ คงคุ้มแล้วละ

       เมื่อนายแดงรู้ว่าเราต้องการจะกลับแล้ว ก็ร้องเรียกหนูปู ให้ช่วยเก็บหมาอีกครั้งหนึ่ง เสียงหมาเห่ากันขรม สักครู่ก็เงียบเสียงไปเป็นเพราะว่า หนูปูแกเก็บหมาหลายตัวนั้นเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ทยอยกันออกจากห้องเล็กนั้น เดินมาอีกหน่อยก็ถึงประตูเหล็ก

       หนูปูผลักบานประตูเหล็กให้เปิดออก พวกเราก็มุดลอดบานประตูเหล็กช่องเล็กนั้นออกมาทันที ที่หน้าประตูนั้นมีหญิงคนหนึ่งยืนขวางอยู่ แล้วถามพวกเราดังๆว่า  ะกลับกันแล้วหรือ......!

ิดตามวิธีทำปูนกินกับหมาก กับคุณ แป๋ว ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน กรุณาคลิ๊ก   "ตามรอยป้าม่อม ๔ "  ในตอนจบสำหรับชุดนี้

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้550
เมื่อวานนี้485
สัปดาห์นี้2524
เดือนนี้8691
ทั้งหมด1338575

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

2
Online