ไปเที่ยวพม่า ตอน 4

 alt

เกือบเที่ยงแล้ว เวลาในพม่าจะช้ากว่าของไทยครึ่งชั่วโมง  ถ้าที่พม่าเป็นเวลาเที่ยงตรงที่ประเทศไทยก็จะเป็นเวลาเที่ยงครึ่ง มิน่าล่ะพวกเราที่มากันเริ่มบ่นหิวข้าวกันแล้ว

 

เมื่อนั่งเรือข้ามฝั่งมาขึ้นรถกันครบทุกคนแล้ว นายซายซาย บอกว่า ต่อจากนี้ไปเราจะไปกินข้าวเที่ยงกันในเมืองย่างกุ้ง ซึ่งต้องนั่งรถไปอีกประมาณ 25 กม. หรือประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง

การกินอาหารนั้นทางทัวร์ก็จะเตรียมจัดให้ไว้แล้ว ว่าจะไปกินกันที่ไหน มาเที่ยวโดยบริษัททัวร์ก็ดีอย่างนี้ การเที่ยวในสถานที่ต่างๆ การกิน การนอน ไม่ต้องห่วงแล้วเรื่องนั้นเขาจัดเอาไว้ให้เราเสร็จตามโปรแกรมของเขา ซึ่งก็ตามราคาที่เราจ่ายไปล่วงหน้าก่อนแล้ว เป็นเรื่องที่สบายใจดี

เรื่องการไปเที่ยวที่ต่างประเทศนั้น อาจจะมีบางคนที่ไปเองไม่ต้องไปกับทัวร์ คนนั้นหรือกลุ่มนั้นที่ไปด้วยกัน จะต้องมีคนใดคนหนึ่งที่มีความรู้เรื่องต่างๆในประเทศนั้นๆ ที่สำคัญคือต้องรู้ภาษาของเขาเป็นอย่างดีด้วย จึงจะไปเที่ยวกันอย่างสนุก มิฉะนั้นจะยุ่งยากหลายๆเรื่องถ้าเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย ภาษาก็พูดกับเขาไม่ได้ไม่ดีแน่ๆเลยครับ

เมื่อสองสามปีมาแล้วน้องสาวของผมนี่เอง เขาอยากไปเที่ยวสิงค์โปร์ แล้วก็มาปรึกษากับน้องและหลานๆ ว่าอยากไปเที่ยวสิงค์โปร์ หลานคนหนึ่งก็บอกว่า แค่ไปสิงค์โปร์เท่านั้นไม่ต้องไปทัวร์หรอกไปกันเองนี่แหละ

จากนั้นมาหลานคนนั้นก็ไปซื้อตั๋วเครื่องบิน เมื่อถึงเวลาก็ไปขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ การกินอยู่ เรื่องที่พักที่สิงค์โปร์ หรือจะเดินทางจากโรงแรมไปที่ไหนบ้างก็ เป็นการยุ่งยากมาก จนไม่อยากออกไปที่ไหนเลย จนกระทั่งกลับ เขาบ่นให้ผมฟังว่า เข็ดจริงๆเลย เที่ยวหลังอยากไปไหนไปกับทัวร์แหละดีที่สุด

ขณะที่รถกำลังวิ่งไปเมืองย่างกุ้งเพื่อไปกินอาหาร ไกด์ของเรา คือนายซายซาย ก็เริ่มทำหน้าที่ของเขา เขานั่งประจำที่ๆใกล้ๆคนขับ แล้วก็เริ่มบรรยาย ในตอนนี้พวกเราจะไปกินอาหารกัน นายซายซายก็จะพูดถึงเรื่องอาหารการกินในประเทศพม่าให้เราทราบเป็นความรู้ไปด้วย

alt

แกบอกว่า “ภัตตาคารที่เราจะไปกินกันนี้ คือภัตตาคาร Western Park Ruby นับว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองนี้ (นายซายซายยกมือขึ้นมาแล้วชูหัวนิ้วโป้ง) มีข้าราชการ พ่อค้า คหบดี มากินกันที่นี่ กันเป็นประจำ

บางทีก็มีคนใหญ่คนโตของพม่า และบางทีก็มีดาราดังๆของทั้งพม่าและดาราไทย ก็เคยมากินอาหารที่นี่ เจ้าของภัตตาคารแห่งนี้เขาจะถ่ายรูปขยายบานใหญ่ๆ ติดเอาไว้ที่ผนัง เดี๋ยวเราไปถึงแล้วเราก็จะเห็นเอง ”  นายซายซายกล่าวยิ้มๆ

สักพักใหญ่ๆรถก็วิ่งเข้ามาที่ในตัวเมืองย่างกุ้งแล้ว นายซายซาย ก็พูดอธิบายสิ่งต่างๆในพม่าที่เราจะไป เช่นภัตตาคารที่เราจะไปกินกันซึ่งเกือบถึงแล้ว นายซายซาย ก็มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเล่าให้พวกลูกทัวร์ของเขาฟัง

ก็ดีมากครับ นอกจากเพลิดเพลินดีมากแล้ว ก็ยังได้ความรู้ไปในตัวด้วย ให้สมกับที่มาที่พม่าทั้งที ไม่ได้อะไรติดตัวไปบ้างเลยก็แย่แล้วเสียเที่ยวเปล่าครับ

รถบัสที่พาพวกผมนั่งมา วิ่งวกวนอยู่ในตัวเมืองพักหนึ่ง เหมือนกับจะให้พวกผมนั่งชมตลาดของเขาด้วย แต่พวกผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าที่นั่นคืออะไร ตลาดอะไร ถนนอะไร มีป้ายติดไว้ก็อ่านไม่ออก

ใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว รถบัสคันนี้จึงเลี้ยวไปส่งพวกผมที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง นายซายซายบอกว่า

“ ถึงแล้วครับนี่คือภัตตาคาร Western Park Ruby ที่พวกเราจะรับประทานกันที่นี่เป็นเมื้อแรกของพวกคุณที่ได้เดินทางมาถึงประเทศพม่าครับ “ พูดพลางชี้ไปทางอาคารหลังหนึ่ง ซึ่งมีรถทัวร์และรถอื่นๆจอดอยู่ก่อนแล้ว

รถบัสจอดสนิทริมฟุตบาตแล้ว พวกเราต่างก็รีบก้าวลงจากรถกันทันที  เพราะว่าเวลานี้เวลาในพม่าเที่ยงกว่าๆแล้ว เราเพิ่งจะเปลี่ยนจากไทยมาเมื่อตอนที่มาถึงสนามบินพม่านี่เอง ดังนั้นเวลาที่ไทยตอนนี้คงเป็น เที่ยงครึ่งหรือมากกว่านั้นแล้ว หิวข้าวกลางวันกันแล้วละครับตอนนี้

รถบัสที่มาส่งพวกเรา เมื่อพวกเราลงจากรถกันหมดแล้ว เขาก็เคลื่อนรถไปหาที่จอดที่อื่นเพื่อไม่ให้มาจอดบังหน้าร้านของเขา จะไปจอดที่ไหนก็ตามใจ พอถึงเวลาจะกลับ นายซายซาย ไกด์ของเราก็คงจะโทรไปบอกคนขับรถให้มารับพวกเราเอง เขาคงปฏิบัติดังนี้ จนกว่าพวกเราจะกลับไทยนั่นแหละครับ 

alt

ที่ประตูร้านอาหารหรือภัตตาคารแห่งนี้ มีสุภาพสตรีท่านหนึ่ง แต่งกายสวยงาม รู้สึกว่าจะเป็นเครื่องแบบของทางภัตตาคาร ยืนต้อนรับผู้ที่มากินอาหารที่นี่ ก็คงเหมือนๆกันทั่วๆไปนะครับ ผมก็เคยเห็นร้านอาหารของไทยหลายๆแห่งก็ จะมีพนักงานต้อนรับอย่างนี้เหมือนกัน

บริษัททัวร์น่าจะเหมือนกันหมด คือการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อย่างกรณีนี้เป็นต้น พอพวกเราเข้าประจำโต๊ะกลมๆกันหมดแล้ว โดยเขาจัดให้นั่งโต๊ะๆละ 8 คน ก็เหมือนๆกับโต๊ะจีน โดยทั่วๆไปของทางบ้านเรา แต่ของทางบ้านเราโต๊ะหนึ่งนั้น อัดกันนั่งไปได้ตั้ง 10 คนแนะครับ ๆฟ

  ไม่นานนักอาหารก็มาหลายๆอย่างพร้อมๆกันเลย เต็มโต๊ะไปหมด นี่แสดงให้เห็นว่าเขาสั่งล่วงหน้าเอาไว้แล้ว และอาหารที่เขาสั่งมานั้นเขาก็คิดว่าอร่อยดีที่สุดแล้ว คงไม่มีอะไรที่ต้องเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมแต่อย่างใด เรียกว่ามีอะไรให้กินก็กินกันหมดแหละ ก็หิวนี่ครับ พนักงานที่เสริฟ อาหารของเขาแต่งกายเรียบร้อยพอสมควร และทำงานคล่องด้วย

alt

 

อาหารที่เขาบริษัททัวร์เป็นผู้สั่งล่วงหน้ามาให้เรากินนั้นเรียกว่าใช้ได้เลย มองดูแล้วก็น่าจะอร่อย ที่นี่คงจะคิดว่าเป็นอาหารชั้นหนึ่งของเขาแล้ว มื้อนี้ที่มองเห็นก็มีกุ้งมังกรตัวหนึ่งซึ่งเขาแล่เนื้อและปรุงมาแล้ว พร้อมถ้วยน้ำจิ้ม มีหัวกุ้งมังกรหัวหนึ่งตั้งโชว์เอาไว้กลางโต๊ะด้วย เขาบอกว่าเนื้อของมันเอามาทำให้อยู่ข้างๆหัวกุ้งนั่นแหละ  (ผมว่าหัวกุ้งนี้คงตั้งโชว์อย่างนี้มานานแล้ว) นอกนั้นก็มีอีกหลายอย่าง ซึ่งผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหาร จึงไม่ขออธิบายว่ามีอะไรบ้าง  ดูรูปที่ถ่ายมาก็แล้วกันนะครับ

อาหารมื้อนี้นับว่าอร่อยมาก มีปลาตัวใหญ่ (ที่ไม่รู้ว่าปลาอะไร) คนที่นั่งด้วยกันบอกว่าน่าจะเป็นปลาทะเลชนิดหนึ่ง แต่อีกคนบอกว่าคงเป็นปลาเก๋าละนะ ส่วนผมไม่ได้ออกความเห็นอะไร ตักมาชิมดูก็รู้สึกว่าเนื้อเหนียว (มาก) ไม่เหมือนปลาช่อน ปลาดุกทางบ้านเรา แต่ก็อร่อยดีเพราะว่าผมชอบกินปลาอยู่แล้วด้วย

ผมอยากจะบอกให้ท่านผู่อ่านทราบทั่วๆกันนะครับ ว่าที่พม่านี้เขาไม่นิยมกินน้ำแข็งกัน เขาบอกว่าคนเรานั้นกินน้ำเปล่าก็ดีอยู่แล้วนี่นา กินข้าวเสร็จก็กินน้ำเปล่าๆนี่แหละตามลงไปก็ดีที่สุด ทำไมจะต้องกินน้ำเย็นที่แช่น้ำแข็งด้วย

ผมว่าคนเรานั้นมีความคิดที่แตกต่างกัน ของอะไรที่ชอบก็หากินเถอะครับ แต่ว่าขออย่างเดียวต้องไปอยู่ในที่ถูกต้องและถูกเวลาด้วยครับ เหมือนกับว่าที่ไหนไม่มีเราก็ไม่กินนั้นแลฯ

alt

 

alt

ดังนั้นในตอนแรกที่เขาจัดอาหารมาใหม่ๆนั้น ก็จะมีแก้ววางอยู่ด้วย แล้วคนที่จัดอาหาร ก็จะหิ้วกระป๋องน้ำแข็งเล็กมาใบหนึ่ง ในนั้นมีน้ำแข็งไม่มากนะครับ มีพอที่จะใส่ลงไปในแก้วน้ำ แบ่งๆกันไปทั้งแปดแก้ว แล้วเขาก็รินน้ำใส่ลงไป ก็จะมีน้ำแข็งลอยอยู่ในแก้วเล็กน้อยเท่านั้น (โปรดดูภาพประกอบ)  และต่อมาเมื่อกินข้าวกินน้ำไปเรื่อยๆแล้ว น้ำก็จะหมด ทีนี้ก็ต้องกินน้ำธรรมดาแล้วละครับ น้ำแข็งเขาไม่มีให้แล้วครับ แต่ถ้าอยากกินน้ำเย็นจริงๆ เขาก็มีน้ำขวดน้ำเปล่า เหมือนที่บ้านเรา แช่เย็นเอาไว้ ก็สั่งได้นะครับ แต่ก็จะเสียเงินต่างหาก คงขวดละไม่กี่สตางค์หรอกครับ กินให้สมกับความอยากกินครับ

 อันนี้ผมไม่ได้ว่านะครับ แค่น้ำแข็งนิดเดียวที่พม่าก็ขี้เหนียวด้วย ไม่ใช่นะครับ แต่เป็นพวกเขาไม่นิยมกินนั่นเองครับ แหม ... ทางร้านหรือภัตตาคารก็เคร่งครัดเสียจริงๆ พวกท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ ไปเที่ยวมาแล้วก็เหนื่อย ก็หิว ก็ร้อนมา จึงอยากจะดื่มน้ำที่แช่น้ำแข็งเย็นๆสักแก้วใหญ่ใหญ่ จะได้ชื่นใจบ้าง ก็เท่านั้นแหละครับ

มีเรื่องตรงกันข้ามกับที่เล่าเรื่องน้ำแข็งมาแล้ว ก็คือเรื่องผงชูรสนั่นเองครับ ที่พม่านี้เขานิยมกินผงชูรสกันเป็นอย่างมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับเรื่องน้ำแข็ง เขาจะทำอาหารอะไรเขาก็จะตักผงชูรส ใส่ลงไปในปริมาณค่อนข้างมาก

เรื่องนี้เท็จจริงอย่างไรผมก็ไม่ทราบ ไกด์ของผมคือนายซายซาย ได้เล่าเรื่องต่างๆของพม่า ที่บนรถในขณะที่รถวิ่งอยู่ ได้เล่าให้พวกผมฟัง ผมก็มาเล่าสู่กันฟังอย่างนี้แหละครับ

กินอาหารที่นี่กันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว หลังจากที่ป้อแป้มาตั้งแต่สายๆ ตอนนี้มีกำลังวังชาดีขึ้นแล้วครับ จะไปไหนก็ไปกันครับ

alt

 นายแก้ว ผู้เขียน 30 พฤษภาคม 2559

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้436
เมื่อวานนี้746
สัปดาห์นี้2797
เดือนนี้9055
ทั้งหมด1328389

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

2
Online