กัญญา ลักษิตานนท์

 

alt

กัญญา วิมุกตานนท์ ในปัจจุบัน

 สัสดีค่ะเพื่อนๆ  พี่ๆ   และน้องๆ คนเจ็ดเสมียน ที่รัก

     เมื่อหลายเดือนมาแล้ว นายแก้วผู้ซึ่งเปรียบเสมือน เป็นน้องของฉัน ที่เคยอยู่ที่เจ็ดเสมียนด้วยกันมาเมื่อ กว่า ๕๐ ปี มาแล้วนั้น

   ได้พบกันที่ งานคนเจ็ดเสมียนพบกัน ที่ตลาดเจ็ดเสมียนแล้วบอกฉันว่า  “ พี่กัญญาครับผมจะทำเว็บไซค์ขึ้นมาอันหนึ่ง จะทำเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนเจ็ดเสมียน  เรื่องราวของเจ็ดเสมียนเก่าๆ ผมจึงอยากจะให้พี่ช่วยเขียน เรื่องราวเก่าๆของพี่ ที่พี่กัญญานึกได้ที่เมื่อตอนอยู่ที่เจ็ดเสมียนนี้ และขอยืมรูปเก่าๆไปลงด้วย ให้พี่เขียนให้ผมและส่งรูปไปให้ด้วยเลยนะครับ “  

      นก็อือๆ รับปากไปตามเรื่อง ต่อมาเป็นเวลาอีกนานนายแก้ว ก็ทำขึ้นมาตามที่พูดจริงๆเป็นเว๊บไซค์ชื่อ    www.chetsamian.org   และกำลังเป็นที่นิยมของพวกเราชาวเจ็ดเสมียน และประชาชนทั่วๆไปเสียด้วย

      จะเห็นได้จากการที่เปิดมาได้ประมาณ ๒ เดือน มีคนเข้าไปดูเกือบ ๒,๐๐๐ คนแล้ว (ปัจจุบันนี้มีผู้เข้าชมแล้วกว่า ๕๐,๐๐๐ ครั้ง) 

     มาวันนี้ฉันเลยต้องเขียนเรื่องราว เล็กๆน้อยๆเมื่อคราวที่ฉันเป็นเด็กอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียนนี้ของฉัน ส่งมาให้นายแก้วตามที่ฉันได้รับปากเอาไว้ แต่จะเขียนตามที่ฉันนึกได้นะคะ

        ฉันเป็นคนเจ็ดเสมียนโดยกำเนิด  คือฉันเกิดที่ตลาดเจ็ดเสมียนนี่เองเมื่อกว่า ๖๐ ปีที่ผ่านมาแล้ว  ปัจจุบันนี้ฉันเป็นคุณย่าแล้ว แต่เมื่อใดที่ฉันอยู่ว่างๆในวัยของฉันนี้ ก็ชอบที่จะหวนคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งทำให้ฉันมีความสุขมากที่สุด

     ยิ่งคิดถึงในตอนที่ฉันยังเป็นเด็กๆ ที่ได้มีเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกัน โดยเฉพาะเด็กหญิงด้วยกันและได้วิ่งเล่นกัน กับเพื่อนอยู่ที่เจ็ดเสมียนนั้น ยิ่งทำให้ฉันคิดอยากจะกลับมาเป็นเด็ก ที่วิ่งเล่นอยู่ที่เจ็ดเสมียนอีกสักครั้งหนึ่ง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้หรอกมันเหมือนกับสายน้ำในแม่น้ำแม่กลอง  ที่ไหลเลยไปแล้วจะไหลกลับคืนมาหาได้ไม่..!

alt

 

ัญญา ลักษิตานนท์ มาพบกับเพื่อนๆที่เจ็ดเสมียนอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๒ วันคนเจ็ดเสมียนพบกันครั้งที่ ๒  (นายปฏิพัทธ์ ถ่ายภาพ)

 

       ดังนั้นเมื่อย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว ฉันจึงอยากจะได้พูดคุยถึงเรื่องราวเก่าๆที่เจ็ดเสมียนแห่งนี้ ในสมัยของฉันนั้นย้อนกลับมาอีกทีเท่าที่ฉันจะนึกได้ว่าบรรยากาศในตอนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง  

    วันเวลาที่ผ่านมานั้นมันช่างเร็วเหลือเกิน ประเดี๋ยวเดียวก็กลายเป็นผู้สูงอายุไปแล้ว ฉันยังรู้สึกอยู่ถึงเดี๋ยวนี้เลยว่าในตอนที่เป็นเด็กอยู่เจ็ดเสมียนนั้น มีความสุขบางทีก็ตื่นเต้นและสนุกสนานผจญภัยแบบเด็กๆคละเคล้ากันไป 

    ฉันเกิดที่เจ็ดเสมียนก็จริง  แต่ในตอนที่เรียนหนังสือที่ชั้นประถมนั้น น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้เรียนอยู่ที่ โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียนเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ 

    บางครั้งฉันมาที่เจ็ดเสมียนนี้ เห็นเพื่อนๆรุ่นเดียวกันหรือรุ่นพี่รุ่นน้อง บ้างก็เป็นเพื่อนกับนายอู๊ดน้องชายของฉัน เดินกันเป็นแถวในตอนเช้าๆไปโรงเรียนซึ่งไม่ไกลจากตลาดนัก

    ที่หน้าโรงเรียนนั้นจะมี ครูประวิทย์ ครูตลับ ครูเทียน คอยถือไม้เรียวอันเล็กๆ กำกับอยู่ที่หน้าโรงเรียน เด็กชายอู๊ด เด็กชายเก้ว เด็กชายโล เด็กชายโห้ เด็กชายธร เด็กชายวี และเพื่อนๆของเด็กชายอู๊ดซึ่งเป็นน้องชายของฉันนั้น  แม่ประแป้งให้เสียขาวฉ่องเดินตามกันเป็นพรวน ไปที่โรงเรียน

     พ่อของฉัน   (นายเกษม ลักษิตานนท์)   ซึ่งแต่เดิมทีนั้นเป็นคนโพธาราม และได้ย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวเจ็ดเสมียนนี้ เพราะว่าเมื่อแต่งงานกับแม่ของฉัน ซึ่งเป็นคนทางวัดบ้านซ่องแล้วก็ไม่ได้กลับไปอยู่ที่โพธารามอีก

   คงอยู่ที่เจ็ดเสมียนและตั้งร้านค้าอยู่ที่ในตลาดเจ็ดเสมียน จนกระทั่งได้เกิดฉันขึ้นมา แต่เมื่อฉันโตพอที่จะเข้าโรงเรียนได้ พ่อของฉันก็ได้ให้ฉันกลับไปที่โพธารามอีก ไปอยู่กับย่าที่ตลาดโพธารามเพื่อไปเรียนหนังสือที่นั่น
  
       

alt

 

าพนี้ถ่ายกันที่หน้าโรงเรียนเจ็ดเสมียน ข้างกอต้นโกศล จากซ้ายก็มี ยุพา กัญญา องุ่น นวลปรางค์ แต่ละคน พอโตขึ้นก็เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ก็จะจำเค้าหน้ากันได้นะ ภาพนี้ น่าจะถ่ายกันมากว่า 50 ปีแล้ว   (ภาพนี้ถ่ายโดยนายจำเนียร คุ้มประวัติ ห้องภาพจำเนียรศิลป์ ตลาดเจ็ดเสมียน)

         

alt

นวลปรางค์  คุ้มประวัติ เมื่อครั้งเป็นนักเรียน ชั้น มัธยมปลาย ที่โรงเรียน ศึกษานารี วงเวียนเล็ก ฝั่งธนบุรีซึ่งก็เคยเป็นเพื่อนเล่นกันมา

 

      พ่อของฉันคงคิดว่าจะให้ฉันไปเรียน ที่โรงเรียนที่ดีที่สุดในอำเภอโพธาราม แต่ถึงกระนั้นในวันหยุดต่างๆ  วันเสาร์ อาทิตย์ หรือโรงเรียนหยุดเทอมใหญ่ๆ ฉันจึงบอกพ่อและแม่ของฉันให้รับกลับมาที่เจ็ดเสมียนอีก เพื่อจะได้มาพบเพื่อน ๆและจะได้ไปเล่นซนสนุกกันตลอดทั้งวัน

     ฉันมีเพื่อนรุ่นๆเดียวกันหลายคนทั้งผู้หญิงและก็ผู้ชาย แต่ละคนเป็นเด็กที่ดีทั้งนั้นไม่มีเกเรกันหรือกลั่นแกล้งกัน แต่จะคอยช่วยเหลือกันอยู่เสมอไม่มีแบ่งเหล่าแบ่งพวก

   เพราะว่าผู้ปกครองหรือพ่อแม่ของเขาเหล่านั้น เป็นเพื่อนที่สนิทกันก็มีเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ก็มี ในตอนนี้ฉันอยากจะเล่าย้อนไปอีกถึง เรื่องเก่าๆของรุ่นพ่อแม่ของฉันสักเล็กน้อยก่อนว่ามีความเป็นอยู่กันอย่างไร

     ฉันเป็นลูกคนโตในครอบครัวของฉัน ในตอนนั้นก็ยังมีน้องอีกสองคนอายุก็ไล่เลี่ยกัน น้องของฉันทั้งสองนั้น คนโตเขาก็ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆในส่วนของเขา

   ส่วนคนเล็กนั้นยังเล็กอยู่ก็อยู่ในความดูแลของแม่ บ้านของฉันก็คือห้องแถวรุ่นเก่าของตลาดเจ็ดเสมียน ที่ด้านหลังของบ้านติดกับคลองเจ็ดเสมียนเลยทีเดียว           

         ห้องที่อยู่ติดกับห้องของฉัน ทางด้านซ้ายนั้นเป็นร้านขายกาแฟและขายของกินของใช้เบ็ดเตล็ดของตาอู๋  ร้านตาอู๋นี้เองที่ทำให้ฉันต้องวิ่งเข้าวิ่งออกร้านตาอู๋นี้ วันละหลายๆเที่ยวเพื่อซื้อขนมมากิน จนแม่ของฉันต้องคอยถือไม้เรียวกำราบอยู่ตลอดเวลา

       ส่วนทางขวามือนั้น เป็นห้องของ  นาย เช็งฮวง ที่เคยเป็นเจ้าของ วิกเจ็ดเสมียน  เขาก็มีลูกๆหลายคนก็อยู่ในกลุ่มของพวกเราด้วยเหมือนกัน และห้องแถวทั้งเก่าและใหม่ที่อยู่ตรงกันข้ามหันหน้าเข้าหากันนั้น ยังมีอีกหลายๆบ้านที่มีลูกมีหลานเป็นวัยเดียวกับฉัน เคยเป็นเพื่อนวิ่งเล่นและกระโดดน้ำด้วยกันทั้งนั้น

     ที่บ้านฉันนั้นก็ค้าขาย โดยเป็นสถานที่ขายยาแผนโบราณ หรือ สถานที่ขายยาประเภท ค. มีลูกค้ามากมายในเขตตำบลเจ็ดเสมียนและตำบลใกล้เคียง  ในวันที่มีตลาดนัดจะมีคนมาซื้อยาที่ร้านฉันมากมาย 

   โดนเฉพาะวันนัดนั้นทำให้ฉันและพรรคพวกของฉัน ได้รับความสนุกมากในวันที่มีตลาดนัด เรื่องตลาดนัดที่เจ็ดเสมียนนั้นฉันจะไม่เล่าอะไรมากนักหรอก เพราะว่าน่าจะมีคนเล่าไปบ้างแล้ว

    นั่นเป็นเรื่องย้อนอดีตที่มีความเป็นมา เกี่ยวกับครอบครัวของฉันที่อยู่ที่เจ็ดเสมียนนี้ พอเมื่อโตขึ้นมาอีกหน่อยถึงเวลาปิดเทอมใหญ่ๆ ฉันก็จะกลับมาอยู่กับพ่อแม่พี่น้องของฉันที่เจ็ดเสมียน เพื่อจะได้มาเล่นกันกับเพื่อนๆที่เจ็ดเสมียนนี้เอง

   เพื่อนของฉันที่เจ็ดเสมียนนี้ที่สนิทกันจริงๆก็มีหลายคน เช่น  องุ่น ปรางค์  แด๊ว เซี้ยม ยุพา แดง   แล้วก็มีรุ่นพี่อีกหลายคนที่ฉันเคยเล่นด้วย เช่นเจ๊ประนอม พี่อนงค์  และอีกหลายๆคนที่เจ็ดเสมียนแห่งนี้

 

 

 

alt

 าพปัจจุบันกับเพื่อนๆที่เคยวิ่งเล่นกันที่ตลาดเจ็ดเสมียน ทางซ้าย แด๊ว ทางขวาแดง
 (ปฏิพัทธ์ ถ่ายภาพ)         

     เนื่องจากฉันจะมีเพื่อนในตอนนั้นมากมายหลายคน ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว พวกเราจึงซุกซนกันได้เต็มที่ วันๆไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน  ถ้าไม่ได้ถีบจักรยานไปเที่ยวที่ไกล ๆออกไป ก็จะไปลงเล่นน้ำกันที่ท่าใหญ่ 

    สิ่งที่ฉันจำได้แม่นยำมากๆนั้นก็คือ ตรงที่ท่าใหญ่ทางด้านซ้ายมือจะมีต้นจามจุรีใหญ่ มีกิ่งก้านสาขามากมายอยู่ต้นหนึ่ง ฉันเคยไต่ขึ้นไปบนกิ่งใหญ่กิ่งหนึ่งซึ่งยื่นออกไปในน้ำ

         แล้วกระโดดลงมาเสียงดังตูม เพื่อนที่ไต่กิ่งนี้ตามกันมาก็จะกระโดดลงไปในน้ำเช่นกัน  คนที่อาบน้ำกันอยู่ที่ท่าใหญ่เหลียวมามองกันใหญ่ แล้วพวกเราก็จะว่ายน้ำเข้าไปที่ตลิ่ง แล้วก็ขึ้นไปที่กิ่งจามจุรีนั้นใหม่แล้วก็กระโดดลงไปอีก

    ทำวนเวียนเช่นนี้ด้วยความสนุกสนานเป็นอันมาก บางทีเล่นกันตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็นใกล้ค่ำ ถ้าแม่ไม่ถือไม้เรียวมาเรียกเป็นไม่ขึ้นจากน้ำเด็ดขาด เพราะว่าที่ท่าใหญ่นี้ยิ่งเป็นเวลาเย็นมากเข้าคนก็ยิ่งมากขึ้น ทำให้ที่ท่าใหญ่นั้นสนุกครึกครื้นดีเหลือเกิน
  
       

 

alt 

 

าพนี้ กัญญา เซี้ยม แด๊ว มองดูในภาพแล้วก็เดาเอาว่าถ่ายกันตรงถนนปูนซิเมนต์ เป็นทางเดินระหว่างประตูหน้าโบสถ์กับวัด เซี้ยมคนนี้ไงลูกนายปอสื่อที่บ้านของเขาก็เป็นร้านขายทอง เหมือนบ้านแด๊ว ลูกนายซุ่ยเช่นเดียวกัน ายจำเนียร คุ้มประวัติ ถ่ายภาพ

 

     ในตอนหน้าน้ำขึ้นบางทีฉันกับเพื่อนๆ ก็จะขี่จักรยานคนละคัน หรือบางทีก็ซ้อนท้ายกันไปตามริมทางรถไฟ จนไปถึงสะพานคลองมะขาม ซึ่งน้ำกำลังไหลเชี่ยวเห็นมีชาวบ้านกำลังช้อนปลาสร้อยกันหลายคน 

   ตรงน้ำที่ไหลลอดทางรถไฟนั้น พวกเราก็ชอบเสี่ยงภัยกัน พวกเราจอดรถจักรยานแล้วก็ผลัดเสื้อผ้า กระโดดลงไปในน้ำที่เชี่ยวอย่างนั้น ตูม ตูม กระโดดตามกันไปหลายคน

   พอหล่นลงไปในน้ำแล้วด้วยความแรงของน้ำ ก็จะพัดพาเราลอยคอผลุบๆโผล่ๆออกไปในทุ่งนา ซึ่งตรงนั้นน้ำจะไม่ลึกแล้วมันจะค่อยๆตื้น ตื้นขึ้น 

   แล้วพวกเราก็จะเดินย้อนกลับกันมาที่สะพานกันใหม่อีกครั้ง  เพื่อจะกระโดดเล่นอีกหลายๆรอบจนหนาวสั่น ตัวซีดแล้วจึงถีบจักรยานกลับบ้าน ด้วยความเบิกบานใจ

    แล้วหน้าน้ำขึ้นก็ผ่านพ้นไป เวลาต่อมานั้นก็จะเข้าเป็นหน้าหนาวแล้ว พวกเด็กตลาดเจ็ดเสมียนต่างก็พากัน ใส่เสื้อกันหนาวสวยๆที่พ่อแม่ซื้อไว้ให้นานแล้ว 

   ปีหนึ่งใส่ไม่ถึงเดือน ถ้าพ้นจากหน้าหนาวแล้วก็เลิกใส่ มันจึงใส่ได้ทนนานมากกว่าเสื้อตัวอื่นๆ เสื้อกันหนาวของพวกเรานี้จึงใส่ได้ทนนานหลายปี จนมันคับไปนั่นแหละ พ่อแม่จึงจะได้ซื้อให้ใหม่อีก ซึ่งมีแต่ลวดลายสวยๆงามๆทั้งนั้น

    หน้าหนาวนี้ พวกชาวนาที่ทำนากันอยู่ที่ทุ่งนอกๆออกไป ก็กำลังเก็บเกี่ยวกันใหญ่ พอเกี่ยวเสร็จแล้วเขาก็จะขนเอาข้าวเหล่านี้ ไปไว้ที่ลานนวดข้าว เพื่อนวดโดยให้วัวย่ำจนเป็นข้าวเปลือกต่อไป

    พวกฉันก็ตามไปเก็บเมล็ดข้าวเปลือก ที่ชาวนาทำตกไว้ในตอนเก็บเกี่ยวที่ทุ่งนา ที่เรียกว่าข้าวตก  ไปเก็บเล่นสนุกๆไปอย่างนั้นเองไม่ได้เป็นกอบเป็นกำอะไร เพราะว่ามันไม่ได้มีมากอะไรพอจะเอาไปทำอะไรได้
  
       

alt

 

าย แดง  ขวา แด๊ว ถ่ายกันที่ตรงหน้าเสาธงโรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน ในวันแห่ดอกไม้ที่เจ็ดเสมียน

 

   างทีขี่จักรยานกันไปจนถึงหนองบางงู  วัดท่ามะขาม ไปเที่ยวกันเฉยๆหรอกไม่มีอะไร  เจอต้นมะขามเทศที่มีฝักใหญ่ๆอยู่กลางทาง ก็หาไม้มาสอยกินกัน 

   วันที่เราถีบจักรยานไป ถึงคลองมะขามนั้นนอกจากไปสอยมะขามเทศมันกินกันแล้ว ยังเก็บพุทราลูกเหลืองๆแก่จัดแล้วได้กลับมาบ้านตั้งมากมาย ห่อใส่ถุงกระดาษกลับมาถึงบ้านกัน แม่บอกว่า กัญญา จะเอามาทำไมมันเปรี้ยวออกแล้วแม่ก็ยิ้มๆ

      ฉันคิดเอาว่า โธ่แม่ไม่รู้อะไรั่นเป็นความภูมิใจของฉัน ที่ฉันเริ่มจะทำมาหาได้ด้วยตัวเองแล้วละ ดูซิ  และต่อมามีอยู่ครั้งหนึ่งพวกฉันเช่น แด๊ว แดง ยุพา องุ่น

     ก็พากันไปที่วัดใหม่นั่นแหละ ขนาดมีคนบอกว่ามีผีดุนะนั่นน่ะ  เหตุที่ไปที่วัดใหม่นี้ก็เพราะว่า วัดใหม่มีต้นพิกุลมากที่สุดเลย ขนาดพวกอู๊ด น้องของฉันยังพาพวกมาเก็บเม็ดพิกุลที่วัดใหม่นี้  เพื่อเอาเม็ดมันไปกัดกัน ถ้าปากมันฉีกก็แปลว่าแพ้

           ที่วัดเจ็ดเสมียน ก็มีต้นพิกุลบ้างแต่มีน้อยู้สึกว่าจะมีเพียงต้นเดียวเท่านั้นอยู่ข้างศาลา ที่ฉันไปเก็บตอนวันพระ แล้วมาเข้าแถวรอพระออกจากโบสถ์มาประพรมน้ำมนต์ให้พวกฉัน และผู้ที่เข้าแถวรออยู่หน้าโบสถ์

     ที่ฉันและเพื่อนๆ มาเก็บดอกพิกุลที่วัดใหม่นี้ก็เพราะว่าจะเก็บไปขายให้แม่ของฉัน เพราะที่บ้านของฉันเป็นร้านขายยาโบราณ ฉันเคยเห็นแม่ของฉันรับซื้อดอกพิกุลจากชาวบ้านด้วย
  
       

 

alt

 

าพนี้ใครบ้าง และสถานที่ถ่าย มีบรรยายไว้แล้ว
แต่ไม่ทราบว่า ถ่ายเมื่อใด   

     รื่องวันพระแม่และฉัน พร้อมด้วยครอบครัวอื่นๆ ในตลาดเจ็ดเสมียนนี้ ต่างก็พร้อมใจกันไปทำบุญที่วัด  ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังประทับใจฉันอยู่ไม่รู้คลาย แม้จะผ่านมาตั้งเกือบ ๖๐ ปีแล้ว 

    เมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษา ออกพรรษา เทศกาลอื่นๆและวันพระในระหว่างเข้าพรรษา พวกเราชาวเจ็ดเสมียนซึ่งเป็นคนใจบุญ พอถึงวันเทศกาลเหล่านี้ 

    พวกเราโดยเฉพาะฉันเองจะแต่งตัวให้สวยที่สุด พวกเพื่อนๆฉันก็เหมือนกันเช่น องุ่น และ ปรางค์ เป็นต้น ฉันจะนุ่งผ้าไหมใส่สายสร้อยคอ  สร้อยข้อมือ แหวน  มันเป็นความสุขของฉันจริงๆ

    เรื่องที่กล่าวมาแล้วนี้ ที่ชุมชนอื่นๆ  อาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่คิดว่าก็จะไม่แตกต่างกันมากนัก สำหรับพวกเด็กผู้ชายที่ในตลาดเจ็ดเสมียนนี้ก็มีหลายคนที่รุ่นเดียวกับฉัน และรุ่นน้องๆอีกหลายคนก็สนิทกัน

    เคยรวมกลุ่มกันไปเที่ยวงานวัดต่างๆก็หลายหน แต่หลักใหญ่จริงๆพวกเด็กผู้ชายเหล่านี้ก็จะไปตามเรื่องของเขา ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกันมากนักนอกจากบังเอิญไปเจอกันที่สนามหน้าโรงเรียนในตอนเย็นๆเท่านั้น

   มีอีกเรื่องหนึ่งที่มันเป็นความประทับใจของฉันมากมาจนถึงเดี๋ยวนี้ คือ ในตอนนั้นฉันเรียนหนังสืออยู่มัธยมปีที่ ๖ แล้ว  มีเด็กชายคนหนึ่งเขาเป็นเด็กรุ่นพี่ฉัน แต่อายุจะมากกว่าฉันไม่มากนัก แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าห่างกันเท่าไร ฉันรักและนับถือเขาเป็นเหมือนพี่ชายของฉันคนหนึ่งทีเดียว

         พี่คนนี้ชื่อว่า ไพบูลย์ (เฮียเต้ว) เป็นคนที่เก่งที่สุด  เรียนหนังสือเก่ง เล่นดนตรีเก่ง เมื่อเวลาหยุดเทอมฉันก็จะมาขอให้เขาสอนภาษาอังกฤษให้ฉัน อีกทั้งวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เขาก็ยินดีสอนให้ฉันทำให้ฉันได้ความรู้ และเข้าใจในวิชาที่ฉันเรียนอยู่เป็นอย่างมาก          

     เฮีย เต้วนั้น เมื่อฉันเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๖ แล้วฉันก็ต้องเข้ากรุงเทพฯไปเรียนต่อ ดังนั้นจึงไม่ได้กลับมาที่เจ็ดเสมียนอีกเลย จึงไม่ได้ข่าวเฮีย เต้ว อีกเลยว่าเป็นไปอย่างไรบ้าง

    ต่อมาครอบครัวของฉันทั้งหมด ได้ย้ายจากห้องแถวที่เจ็ดเสมียนไปอยู่ที่โพธาราม เป็นอันสิ้นสุดเรื่องราวที่เจ็ดเสมียนโดยสิ้นเชิง เพราะว่าบ้านฉันไม่ได้อยู่ที่เจ็ดเสมียนอีกแล้ว และไม่มีโอกาสได้มาเลยเพราะฉันต้องไปเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ใจของฉันนั้นก็ยังระลึกถึงเจ็ดเสมียนอยู่เสมอ นึกถึงเพื่อนๆทุกคนที่พวกเราเคยได้รู้จักกันมา 
  
       

 

alt

          กาลครั้งหนึ่ง เมื่อกว่า 50 ปีมาแล้ว สาวสวย แห่งเจ็ดเสมียน 5 คนได้ไปเที่ยวที่หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี ใครเป็นใครมองออกกันไหม บอกให้ดีกว่านะ จากซ้าย พี่สำอางค์ ช่างดัดผมมือหนึ่งแห่งตลาดเจ็ดเสมียน ถัดมา เจ๊ประนอม น้องสาวคนสวยของคุณไพบูลย์ (เฮียเต้ว)คนเก่งแห่งตลาดเจ็ดเสมียน ต่อมา พี่อนงค์ ลูกสาวของกำนันโกวิท คนดังแห่งตำบลเจ็ดเสมียน ที่สองจากขวา กัญญา เอง ขวาสุด แด๊ว ลูกสาวนายซุ่ยร้านทองแห่งตลาดเจ็ดเสมียน

 

    นึกถึงวันคืนที่พวกเรามีความสุขสนุกสนาน เราเคยนั่งคุยกันที่หน้าร้านถ่ายรูปขององุ่นจนดึกดื่น จนแม่ของฉันต้องออกมาตาม ไม่ลืมที่ตอนเย็นๆ ลมพัดอ่อนๆที่สนามหญ้าหน้าโรงเรียน

  ตะวันจะลับแม่น้ำที่ท่าวัดไปแล้ว ในขณะที่พวกเราจับกลุ่มคุยกัน ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากกลุ่มของเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากกันนัก คล้ายจะจีบกันเล่นๆว่า “ให้ผมรักคุณเถิดนะยุพา”  เห็นยุพายกมะเหงกให้แล้วพวกเราก็หัวเราะกันใหญ่ ฉันเห็นแล้วก็ขำดียังจำได้จนเดี๋ยวนี้

      ฉันนึกถึงเทศกาลสงกรานต์ี่เราเคยได้ไปทำบุญที่วัดกันได้แต่งตัวกันสวยๆ  แล้วก็คิดถึงงานแห่ดอกไม้หลังสงกรานต์ ที่บางปีก็มีลมแรงและฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนัก
 

 

alt

 

 

          จากซ้าย กัญญา จับ น้องสุข ลูกเจ๊ อยู่ พี่สาวของ นายแก่เล็กขึ้นนั่งให้ถ่ายรูป กับ องุ่น ด้วย
ที่เจดีย์ข้างกำแพงโบส์ถ วัดเจ็ดเสมียน
ายจำเนียร คุ้มประวัติ ถ่ายภาพ

 

      ชีวิตต่อมาของฉันๆ จะก็ขอเล่าเพียงคร่าวๆเท่านั้นนะ เมื่อฉันเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๖ แล้วนั้นฉันไปสอบเข้าเรียนต่อที่ โรงเรียนพยาบาลทหารอากาศ 

    เมื่อจบจากโรงเรียน พยาบาลทหารอากาศที่โรงพยาบาล ภูมิพล แล้วนั้น ก็ได้เข้ารับราชการคือไปประจำที่ สถานีอนามัยชั้น ๑ ตำบลหนองโพ อำเภอโพธาราม เพราะคิดว่ามันไกล้บ้านดี (บ้านอยู่ที่สามแยกบ้านเลือก)

    ทำได้ประมาณ ๔ ปีจึงได้แต่งงาน จึงจำเป็นต้องกลับไปอยู่กรุงเทพฯอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นได้เข้าทำงานที่ สำนักงานควบคุมโรคติดต่อ เขตุ ๑ ที่บางเขน ซึ่งขึ้นอยู่กับกรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขจนกระทั่งเมื่ออายุได้ ๕๕ ปี ฉันจึงเกษียณอายุราชการของฉันเอง ออกมาอยู่บ้าน

   เป็นอย่างไรบ้างเรื่องของฉัน เส้นทางชีวิตของเด็กเจ็ดเสมียนคนหนึ่งในอดีต ที่มีความเกี่ยวพันกับเจ็ดเสมียน แม้จะเป็นเวลาอันน้อยนิด แต่ก็เป็นความประทับใจของฉันไม่มีวันลืมเลือนไปเลย

   ถึงเวลานี้บางทีเมื่อมีเวลาว่าง ฉันก็จะนำเอาภาพเก่าๆภาพเล็กบ้างใหญ่บ้าง ที่ก่อนจากกันกับเพื่อนๆที่เจ็ดเสมียน เพื่อนเหล่านั้นก็ได้มอบให้ฉันไว้

   บอกว่าไว้ดูเล่นยามคิดถึง เช่น องุ่น ประนอม และคนอื่นอีกหลายคนเป็นต้น  ส่วนฉันก็ได้มอบให้เขาไปเหมือนกัน คิดว่าปัจจุบันนี้เพื่อนของฉันเขาก็ยังคงเก็บเอาไว้และยังคิดถึงฉันอยู่

   ในสุดท้ายนี้ขอบอกอีกว่า ฉันดีใจและมีความสุขมากจริงๆค่ะ ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน เขียนถึงฉันบ้างนะคะ แล้วเราคงได้พบกันใหม่ค่ะ

                                                                        สวัสดีนะคะ
 
 
   

                                                         กัญญา วิมุกตานนท์   (ลักษิตานนท์)
                                                                    ๑๖ ตุลาคม  ๒๕๕๑

                                   

                 alt     

 

ี่หาดเจ้าสำราญจังหวัดเพชรบุรี อีกครั้งหนึ่ง จากซ้าย นายชาญ (ในภายหลังได้แต่งงานกับคุณอนงค์ วงศ์ยะรา) นวลปรางค์ กัญญาและองุ่น คุ้มประวัติ ดูสำราญและมีความสุข ตามชื่อหาดทีเดียว

 

alt

 

อฝากภาพสุดท้ายนี้ไว้ดูกันเล่นกันลืมนะ ที่สองจากขวานั้นคือ กัญญาเอง

 

 

 โปรดติดตามตอนต่อไป     "ตรุษจีนที่เจ็ดเสมียน"   เร็วๆนี้แน่นอน  ที่นี่ที่เดียว

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้197
เมื่อวานนี้496
สัปดาห์นี้693
เดือนนี้13611
ทั้งหมด1343495

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

2
Online